ความคิดของคนรวยกับคนจน

ความคิดของคนรวยกับคนจน

ความคิดของคนรวยกับคนจน ทำไมถึง “จน” เพราะคุณยังมีความคิดแบบคนจนที่ยังไม่พัฒนา เราขอ รวบรวมความคิดและทัศนคติของคนจน แล้วนำมาเปรียบเทียบระหว่าง คนจน กับ คนรวย ว่าคิดต่างออกไปอย่างไร ความคิดเป็นตัวกำหนดการกระทำ

โดยการกระทำก็จะสะท้อนออกมาเป็นผลลัพธ์ ถ้าเราคิดในแบบที่คนรวยคิดกันเราก็มีโอกาสที่ ชีวิตดีและมีฐานะดีขึ้น แต่ถ้าวันๆเราคิดไม่ดี คิดในแง่ลบ แล้วเราจะไปหาความรวยได้จากที่ไหน

1. คิดลบทุกเรื่อง (Negative Thinking) ความคิดแง่ลบเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะกำหนดการดำเนินชีวิตให้ตกต่ำลง เพียงแค่แวบแรก ที่คุณคิดลบ มันจะปิดกั้นการกระทำที่จะนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้า ของคุณในทันที เพราะคุณก็จะหาวิธีการทำแต่อะไรที่แย่ ๆ ที่ไม่สร้างสรรค์ แตกต่างกับคนรวย ที่ความคิดส่วนใหญ่ จะเป็นในลักษณะความคิดบวก (Positive Thinking)

ความคิดของคนรวยกับคนจน

ยกตัวอย่างเช่น คำพูด “ไม่ได้ กับ ได้” คนที่คิดลบ ที่พูดว่า ไม่ได้ เหมือนเป็นการปิดกันทางความคิด และการกระทำของเรา ให้หยุดอยู่ตรงนั้น แต่ถ้าเราคิดว่า ได้ จะเป็นการเปิดรับความคิด การเรียนรู้ เพื่อที่จะพัฒนาตนเองไปอีกขั้นหนึ่ง ถึงแม้สิ่งที่เราทำจะไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยเราได้ลองทำ ลองเรียนรู้ และสิ่งที่ได้กลับมา คือประสบการณ์นั่นเอง

2. ไม่คว้าโอกาส “คนรวยมองหา โอกาสคนจนมองหา อุปสรรค” คำพูดนี้เป็นสิ่งที่สะท้อนได้ดีถึง การโฟกัสทางความคิดที่แตกต่างกัน ทำให้บางครั้งเราพลาดสิ่งดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิตไปอย่างน่าเสีย บางครั้งโอกาสที่ผ่านเข้ามา อาจจะไม่กลับมาให้อีก เป็นครั้งที่สอง เหตุผลที่เราไม่คว้าโอกาสนั้นไว้ มีเพียงแค่เหตุผลเดียวคือ คือ “อุปสรรค”

ที่ทำให้เรากลัวไม้กล้า ที่จะคว้าโอกาสนั้นไว้ ถ้าเราเปลี่ยนความคิด ให้เหมือนอย่างคนรวยที่มักจะไม่ปล่อยโอกาส ที่เข้ามาถึงให้หลุดมือ ถึงแม้คนรวยเหล่านี้ จะต้องเผชิญปัญหาหรืออุปสรรคต่าง ๆ มากมาย แต่พวกเขามองอุปสรรคต่างๆเป็นเรื่องเล็กแล้วส่วนใหญ่อุปสรรคเหล่านั้นก็สามารถผ่านพ้นไปได้

3. มีรายได้เพียงช่องทางเดียว คนจนมักจะมีรายได้ จากงานประจำเพียงช่องทางเดียว อาจจะไม่เพียงพอ ที่จะสามารถทำให้คุณมั่งคั่ง ร่ำรวยได้ แตกต่างกับคนรวย คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตส่วนใหญ่แล้ว รายได้ไม่ได้มาจากการทำงาน เพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง

คนรวยส่วนใหญ่จะกระจายรายได้ในหลากหลายธุรกิจ ตัวอย่างเช่น คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี รายได้ไม่ได้มาจากธุรกิจน้ำเมาเพียงอย่างเดียว ยังมีรายได้มาจาก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจเครื่องดื่ม ของกินเล่น เป็นต้น ทำให้เวลาธุรกิจหนึ่งทรุดตัวลง ก็ยังมีอีกธุรกิจหนึ่งคอยประคองรายได้ ไม่ให้หายไปจนขาดมือ ซึ่งถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยง อีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน

4. คิดว่าตัวเองรู้หมดแล้ว คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ จะพยายามค้นคว้าหาความรู้เปิดรับสิ่งใหม่ตลอดเวลา ไม่ปิดกั้นโอกาสที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ และยอมรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่น การวางตัวในลักษณะนี้ จึงทำให้เกิดการพัฒนา เปิดรับมุมมองใหม่ ๆ ตลอดเวลา

แตกต่างกับคนจน ที่มักคิดว่าตนเองเก่งแล้ว ฉลาดแล้ว อีโก้ไม่ยอมฟังผู้อื่น ความคิดลักษณะนี้ จะเป็นการสั่งสมองไม่ให้รับฟังความคิดเห็น ไม่เรียนรู้เพิ่มเติม สุดท้ายจะทำให้เราไม่พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น อดีตเป็นอย่างไรปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่

5.ไม่มีวินัย วินัยในที่นี้ หมายถึง วินัยในการทำงาน และวินัยทางการเงินวินัยเป็นสิ่งที่สำคัญของคนที่ต้องการรวย หรือต้องการที่จะประสบความสำเร็จ เราจึงฝึกวินัยให้ติดตัวเราไปตลอด วินัยจะช่วยให้เรามีระเบียบในการดำเนินชีวิต

ไม่ออกนอกลู่นอกทางและเป็นการสร้างโอกาสที่จะประสบความสำเร็จให้มีมากยิ่งขึ้นด้วย การฝึกให้ตัวเองมีวินัยในช่วงแรกอาจจะเป็นอะไรที่อึดอัด แต่เมื่อทำไปทุกวันแล้วจะติดตัวเราไปเอง

เราจะสังเกตได้ว่า คนจน ทำไมถึงไม่รวยซักที เพราะไม่มีวินัยทางการเงิน ไม่รู้จักเก็บออม ใช้จ่ายเกินตัว ใช้เงินผ่อนยืมเงินอนาคตมาใช้กับสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งไม่ก่อเกิดรายได้มาจุนเจือดอกเบี้ยที่ต้องเสียไป ในแต่ละวัน สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการขาดวินัยทั้งสิ้น ถ้าเป็นแบบนี้ทำอย่างไรก็ไม่รวยซักที

ดังนั้น จึงต้องมองกลับมาทำไมคนรวยถึงรวยแล้วรวยขึ้นไปอีก เพราะคนเหล่านี้ มีแผนในการบริหารเงินที่ดี ทุกบาททุกสตางค์ที่เสียไปมีเหตุผลเสมอ และที่น่าสังเกตบุคคลเหล่านี้มักจับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่จำเป็น ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่อวดรวย ทำตัวเรียบเงียบในสังคม คำตอบก็คือคนเหล่านี้มี วินัยทางการเงิน วินัยด้านการทำงาน

ตัวอย่างบุคคลที่เป็นแบบอย่าง เช่น คุณเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าพ่อกระทิงแดง มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศไทย เกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจน ประกอบอาชีพเลี้ยงเป็ด และค้าขายผลไม้ ถึงแม้จะเป็นทำธุรกิจกระทิงแดง จนประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐี แต่คุณเฉลียวก็ยังคงทำตัวเรียบง่าย ขับรถเบนซ์เก่าๆไปทำงาน ตรวจโรงงาน คุมงาน อย่างพนักงานทั่วไป และไม่มีลักษณะการจับจ่ายใช้สอยฟุ้งเฟ้อแม้แต่น้อย

6.อิจฉาผู้ที่ได้ดีกว่าตนเอง ผู้ที่อิจฉาผู้อื่นที่ได้ดีกว่ามักจะพลาดโอกาสดีๆที่จะได้เรียนรู้จากผู้ประสบความสำเร็จ สุดท้ายคนจนก็จะคบค้าสมาคมกับคนระดับเดียวกัน จนเหมือนกัน เพราะเราอิจฉาคนที่รวยกว่าเรา จึงต้องอยู่แบบจนๆต่อไป แต่กลับกัน คนรวยมักจะค้าสามาคมกับรวย และมักจะแลกเปลี่ยนมุมมอง เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โลกจะดูกว้างขึ้นและมีโอกาสดีๆเข้ามาเสมอ

ติดตามเรื่องราวของ ตำนานเมืองลับแล

สนับสนุน โดย Joker SlotSa gameSexy GameJoker GameUFABET 72EsportSa gamingSexy gaming, Sa gamingjoker gaming, Joker slot , Slot gameJoker slot, Joker slot

You may also like...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *