ตำนานเมืองลับแล

ตำนานเมืองลับแล

ตำนานเมืองลับแล เรื่องเมืองลับแล เป็นนิทานพื้นบ้านเล่ากันว่าเป็นเมืองของคนดี มีความซื่อสัตย์สุจริต โกหกคำเดียวไม่ได้ ลูกเขยเห็นลูกร้องไห้ กล่อมแบบไหนก็ไม่หยุด หลุดปากหลอกลูกว่า แม่มาแล้ว เท่านั้นแหละ ก็ต้องออกจากเมือง  เกร็ดของเรื่องอยู่ตรงขมิ้นที่เมียจับยัดใส่เต็มย่าม ระหว่างเดิน เหนื่อยมาก ก็ควักทิ้ง เหลือขมิ้นอยู่แง่งเดียว พอถึงบ้านล้วงขึ้นมาจึงรู้ว่าเป็นทอง 

เรื่องเมืองลับแล ทำนองนี้เล่ากันทั่วไป ไปเมืองไหนก็เล่า กระทั่งที่อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 

หนังสือวัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ฯลฯ จังหวัดอุตรดิตถ์ อธิบายคำ “ลับแล” ไว้ว่าที่ซึ่งมองดูไม่เห็น เป็นชื่อเมืองที่ตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่ลึกลับซับซ้อน มองจากภายนอกจะมองเห็นเป็นป่า ไม่ค่อยพบเห็นบ้านเรือน คนต่างถิ่นหากหลงเข้าไปก็มักหาทางออกไม่เจอ 

บรรยากาศทั่วไปเยือกเย็นยามพลบค่ำ ดวงอาทิตย์ ไม่ทันตกดิน ก็มืดแล้ว เพราะมีดอยม่อนฤๅษีสูงใหญ่เป็นฉากกั้นแสงอาทิตย์ ป่าบริเวณนี้เรียกว่า ป่าลับแลง… ต่อมาจึงเพี้ยนเป็นคำว่า “ลับแล” 

ตำนานเมืองลับแล

บริเวณที่เป็นที่มาของชื่อ ลับแล คือห้าตำบลด้านเหนืออำเภอลับแล…ตำบลชัยจุมพล ตำบลศรีพนมมาศ ตำบลฝายหลวง ตำบลแม่พูล ตำบลนานกกก  ชาวลับแลมีอาชีพทำสวนทุเรียน สวนลางสาดบนภูเขา ผู้ชายใช้ชีวิตส่วนใหญ่ดูแลสวน ทิ้งลูกหลานอยู่ที่บ้าน ใครผ่านไป ก็เจอแต่ผู้หญิง นี่ก็คือที่มาของฉายา “เมืองแม่ม่าย” 

สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า คนเมืองลับแล น่าจะเป็นคนเมืองแพร่ เมืองน่าน…ที่หนีเภทภัย หรือลี้ภัยศึกสงคราม นักประวัติศาสตร์บางท่าน ชี้ว่า ในสมัยพระบรมไตรโลกนาถ มีสงครามระหว่างอยุธยากับเมืองทางเหนือ 

แต่ตำนานกำเนิดเมืองลับแล…เล่าและบันทึกกันไว้เป็นหลักฐาน…เมื่อ ประมาณ พ.ศ.1500 หรือเมื่อพันปีที่แล้ว สมัยอาณาจักรโยนกนคร (เชียงแสนปัจจุบัน) เกิดสงครามรบพุ่งกันเนืองๆ ทั้งยังมีโรคระบาด 

หนานคำสือและหนานคำแสน เป็นหัวหน้าพาคน 20 ครัวเรือน บรรทุกข้าวของใส่เกวียน มุ่งหน้าลงใต้ โดยบอกว่า เจ้าปู่พญาแก้ววงเมือง (กษัตริย์องค์ที่ 17 โยนกนคร) เข้าฝันบอกทาง จนมาถึงหุบเขาเมืองลับแล พบน้ำตก ธารน้ำไหล ดินฟ้าอากาศชุ่มชื้น มีภูเขาเตี้ย อุดมด้วยนานาพันธุ์ไม้ เหมือนที่เจ้าปู่เข้าฝัน ก็เลือกเป็นที่ตั้งรกรากปัฐาน 

หนานคำสือ เป็นเจ้าแคว้น (กำนัน) หนาน คำแสน เป็นเจ้าหลัก (ผู้ใหญ่) ทำมาหากินอยู่เย็นเป็นสุขสมบูรณ์ 7 ปีต่อมา ก็ชักชวนชาวบ้าน 10 คน บรรทุกข้าวของเดินทางย้อนขึ้นไปเยี่ยมญาติ และได้เข้าเฝ้าฯพระเจ้าเรืองธิราช กษัตริย์ องค์ที่ 21 โยนกนคร กราบทูลถึงถิ่นฐานแห่งใหม่ 

พระเจ้าเรืองธิราช พระราชทานพระไตรปิฎก และพระสงฆ์ 6 รูป และเครื่องใช้ไม้สอยเกี่ยวกับศาสนพิธีให้ไปสร้างวัดเก้าเง้ามูลศรัทธา (วัดใหม่ ต.ฝายหลวง ปัจจุบัน) ความสัมพันธ์ระหว่างเมืองลับแลกับโยนกนคร แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

เมื่อกษัตริย์โยนกนครขอนางสุมาลี ธิดาเจ้าแคว้นลับแล และนางสุมาลา ธิดาเจ้าหลักเมืองลับแล ซึ่งมีฝีมือในด้านเย็บปักถักร้อย เป็นผู้ประดิษฐ์ซิ่นลายตีนจก ให้เป็นชายาฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย ของเจ้าฟ้าฮ่ามกุมารราชบุตรและโปรดให้ไปเป็นกษัตริย์เมืองลับแล เมื่อ พ.ศ.1513 

เจ้าฟ้าฮ่ามมีพระทัยฝักใฝ่ศาสนา เสด็จไปขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ จากดอยตุง มาบรรจุที่สถูปเจดีย์วัดป่าแก้วเรไร (วัดเจดีย์ ปัจจุบัน) ผู้เฒ่าเมืองลับแลเล่าให้ลูกหลานฟังว่า ถึงวันศีลวันธรรม จะมีดวงไฟสุกสว่าง (พระธาตุเสด็จ) ลอยเหนือเจดีย์ อยู่เป็นประจำ 

ต่อมาได้เสด็จไปแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ 32 องค์ จากโยนกนคร มาบรรจุไว้ที่สถูปเจดีย์ วัดม่อนธาตุ และต่อมาได้สร้างวัดชัยจุมพล และวัดดอนชัย เมื่อเจ้าฟ้าฮ่ามสวรรคต ราษฎรได้นำพระอัฐิไปบรรจุไว้ที่วัดม่อนอารักษ์ ต.ฝายหลวง ให้ชาวลับแลได้สักการะจนถึงวันนี้. 

เมืองลับแลในนิยาย 

เรื่องเล่าในนิยายต่อไปนี้ จะเกี่ยวเนื่องถึงตำนาน เมืองแม่หม้าย เริ่มจาก ครั้งหนึ่งมีหนุ่มเมืองใต้ (เมืองทุ่งยั้ง) แอบเดินทางหลงป่าไปทางเหนือ ได้เห็นสาวสวยออกจากเมืองลับแลมาโดยซ่อนกุญแจไว้ ชายหนุ่มจึงแอบขโมยกุญแจไว้และใช้เล่ห์กล มนต์อุบาย เกี้ยวพาราสีจนสาวหลงเชื่อ พาไปอยู่กินเป็นสามีในเมืองลับแล

ชายหนุ่มได้เห็นความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ ของเมืองแต่มีแต่ผู้หญิงสาวสวยทั้ง หมด ด้วยเหตุที่เมืองลับแลเป็นเมืองลี้ลับคนภายนอก ไม่สามารถจะเข้าไปในเมืองได้ ชาวเมืองลับแลเป็นผู้ยึดมั่นในศีลธรรม ผู้คนเคร่งครัดปฏิบัติธรรมเป็นนิจไม่ มีการกล่าววาจาหรือกระทำโกหกหลอกลวงกัน

ต่อมาชายหนุ่มกับสาวงามเมืองลับแล ได้มีลูกด้วยกันหนึ่งคน วันหนึ่งผู้เป็นไปธุระนอกบ้านชายหนุ่มจึงอยู่กับลูก ลูกเกิดร้องไห้หาแม่ ชายหนุ่มจึงพูดโกหกลูกว่า “แม่มาแล้ว” เพื่อให้ลูกหยุดร้องไห้ ชาวบ้านได้ยินคำโกหกของชายหนุ่ม จึงขับไล่ชายหนุ่มผู้นั้นออกจากเมืองภรรยา ซึ่งรักสามีก็ไม่อาจช่วยได้ และเกรงว่าสามีจะได้รับความลำบาก จึงแอบเอาของสำคัญใส่ย่ามให้สามีโดยกำชับว่า

เมื่อถึงบ้านให้เอาออกมาดู ห้ามเอาออกมาดูระหว่างทาง เมื่อเดินทางพ้นเมืองลับแลชายหนุ่มจึงอยากรู้ว่าภรรยาเอาอะไรใส่ถุงให้เพราะ หนักจึงเอาออกมาดูก็เห็นขมิ้นเต็มถุงย่ามจึงเอาออกขว้างทิ้ง เกือบหมดเหลือตก ค้างอยู่เพียงเล็กน้อย ครั้นกลับถึงบ้านจึงเล่าเรื่องราวเมืองลับแลให้เพื่อน ญาติพี่น้องฟังพร้อมกับยืนยันคำพูดด้วยการเอาขมิ้นติดถุงย่ามออกมาอวด

ปรากฏว่าขมิ้นนั้นเป็นทองคำ ด้วยความเสียดายจึงชวนพรรคพวก ญาติพี่น้อง ออกตามไปเก็บขมิ้นที่ขว้างทิ้งระหว่างทางแต่หาทางเก่าไม่พบและไม่เห็นทาง เข้าเมืองลับแล ด้วยเหตุนี้เมืองลับแลจึงเป็นเมืองอาถรรพ์ที่ชายหนุ่มทั้งหลายหวังจะเข้าไป แต่ไม่มีใครเข้าไปได้อีกเลย เป็นแต่เล่าต่อๆกันมาเป็นนิยายปรัมปราจวบจนทุกวันนี้ 

ติดตามเรื่องราวของ ตำนานสถานที่ท่องเที่ยวในไทย

สนับสนุน โดย Joker SlotSa gameSexy GameJoker GameUFABET 72EsportSa gamingSexy gaming, Sa gamingjoker gaming, Joker slot , Slot gameJoker slot, Joker slot

You may also like...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *