ราคากาแฟมูลสัตว์ สูงขนาดไหน
ราคากาแฟมูลสัตว์ สูงขนาดไหน
ราคากาแฟมูลสัตว์ สูงขนาดไหน สำหรับ “กาแฟ” คุณภาพดีเกรดพรีเมียมที่มีราคาแพงมากกว่ากาแฟทั่วไป ก็คือ กาแฟที่มาจากมูลสัตว์ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ราคาแพงก็เพราะว่า ต้องใช้เวลาในการผลิตนาน ต้องรอให้สัตว์กินเข้าไป แล้วผ่านการหมัก
และย่อยในกระเพาะอาหารของสัตว์ 2-3 วัน จนทำให้สารเคมีในกาแฟมีการเปลี่ยนแปลงไป รอจนสัตว์ขับถ่ายออกมาจึงสามารถไปเก็บผลผลิตมาผ่านขั้นตอนการล้าง ฆ่าเชื้อ คั่ว และแปรรูปได้ แถมยังผลิตได้จำนวนน้อยในแต่ละปี
– กาแฟขี้ชะมด (Kopi Luwak) : ราคา กก.ละ 20,000-30,000 บาท แต่ถ้าบ่มนานๆ 9 เดือนขึ้นไป ราคาก็อาจแพงได้ถึง กก.ละ 100,000 บาท ส่วนรสชาติก็มีความหอมอร่อยกว่ากาแฟทั่วไป คือ นุ่ม หอม เข้มกลมกล่อม ไม่เปรี้ยว ไม่ฝาด ดื่มง่าย (Smooth strong & sweet)
– กาแฟขี้ช้าง : ราคา กก.ละ 40,000-45,000 บาท กาแฟขี้ช้างมีกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ คือ มีกลิ่นช็อกโกแลต และมีรสชาติของดาร์กช็อกโกแลต, มอลต์, รวมทั้งเครื่องเทศ แต่ไม่ขมบาดปาก มีความเปรี้ยวน้อย มีกลิ่นหอมหวล
– กาแฟขี้ควาย: ราคาเริ่มต้น กก.ละ 10,000 บาท ซึ่งรสชาติและกลิ่นที่ได้ ก็ถือว่าเป็นกาแฟระดับพรีเมียมเช่นกัน คือ มีความหอม นุ่ม กลมกล่อม ไม่มีรสเฝื่อน มีความเปรี้ยวเล็กน้อย ซึ่งรสเปรี้ยวนั้นสักพักจะเปลี่ยนเป็นรสหวานชุ่มคอ

ประโยชน์ VS โทษ
แต่ไม่ว่า “กาแฟ” ที่คุณชอบดื่มจะมีคุณภาพระดับพรีเมียม หรือมีราคาแพงมากแค่ไหนก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มที่มี “กาเฟอีน” ก็ย่อมมีผลเสียตามมาได้ หากดื่มในปริมาณที่มากเกินพอดี ก่อนจะยกแก้วดื่มกาแฟอย่างเอาจริงเอาจัง มาดูประโยชน์และโทษของกาแฟกันซะหน่อยดีกว่า
ประโยชน์ของ “กาแฟ”
– เพิ่มความตื่นตัวของสมอง ปลุกความสดชื่นให้สมองปลอดโปร่ง ช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ลดความง่วง
– จากงานวิจัยของกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 500,000 คนในประเทศยุโรป 10 ประเทศ เป็นเวลานาน 16 ปี ระบุว่า การดื่มกาแฟวันละ 1-3 แก้ว ช่วยลดความเสี่ยงที่จะป่วยของโรคบางชนิดและลดอัตราการเสียชีวิตได้
– คนที่ดื่มกาแฟ การทำงานของตับและระบบหมุนเวียนโลหิตแข็งแรงกว่าคนที่ไม่ดื่ม และยังช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
– กาเฟอีนในกาแฟช่วยให้อายุยืน ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า สดชื่น และมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
– ช่วยชะลอการเกิดโรคพาร์กินสัน
– ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งลำไส้ตรง และป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดี

โทษของ “กาแฟ”
– กาแฟประกอบด้วยสารกาเฟอีนที่สามารถก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่
– การดื่มกาแฟในปริมาณมากอาจทำให้กระสับกระส่าย กระวนกระวาย วิตกกังวล นอนไม่หลับ มีเสียงดังในหู
– การได้รับกาแฟวันละ 6 แก้ว อาจทำให้เกิดการ “เสพติดกาแฟ” หรือ ภาวะเสพติดกาเฟอีน
– การดื่มกาแฟชงที่ใส่นม ครีม น้ำตาล ทำให้ร่างกายได้รับคอเลสเตอรอลสูงเกินปกติ
– การดื่มกาแฟมากกว่า 5 แก้วต่อวันอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ อาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้
ดื่ม “กาแฟ” ยังไงให้ “สุขภาพดี”
เอาเป็นว่าสาวออฟฟิศทั้งหลาย ยังคงสามารถดื่มกาแฟได้ แต่ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะพอดี เพราะหากคุณดื่มมากเกินไป 4-5 แก้วต่อวัน และดื่มติดต่อกันทุกวันจะเสี่ยงต่อการ “เสพติดกาเฟอีน” และพอจะเลิกก็เลิกยากซะด้วย เรามี How to วิธีดื่มกาแฟให้ได้สุขภาพดีมาบอกต่อ…
1. ดื่มไม่เกิน 1-2 แก้วต่อวัน
สำหรับคนทำงานออฟฟิศที่ต้องอาศัยกาแฟเป็นตัวช่วยดึงสติเรียกสมาธิในการทำงาน เราแนะนำว่าปริมาณที่ควรดื่มคือ ไม่เกิน 1-2 แก้วต่อวัน และไม่ควรดื่มกาแฟติดต่อกันทุกวัน ให้พักบ้าง เพื่อป้องกันภาวะเสพติดกาเฟอีน

2. ดื่มน้ำเปล่าหลังดื่มกาแฟ
หลังจากดื่มกาแฟและรู้สึกว่าตัวเองสดชื่น ตื่นเต็มตาแล้ว หลังจากนั้นในระหว่างวันหากปากแห้งและกระหายน้ำ ไม่ควรดื่มกาแฟซ้ำเข้าไปอีก แต่ควรดื่มน้ำเปล่าแทน เพื่อลดภาวะร่างกายขาดน้ำ
และยังเป็นการช่วยกำจัดสารกาเฟอีนออกไปในรูปของปัสสาวะได้ด้วย ช่วยให้ไม่มีกาเฟอีนตกค้างในร่างกาย
3. ดื่มกาแฟ Decaf
ส่วนใครที่ร่างกายมีภาวะไวต่อกาเฟอีน กินกาแฟแล้วใจสั่น กระสับกระส่าย กระวนกระวาย วิตกกังวล แนะนำให้เลือกดื่มกาแฟที่มีกาเฟอีนต่ำ หรือ “กาแฟ Decaf” ทดแทนกาแฟสูตรปกติ
ซึ่งก็สามารถช่วยกระตุ้นสมองและทำให้สดชื่นขึ้นได้เช่นกัน แถมมีรสชาติอร่อยเหมือนกาแฟสูตรปกติด้วย
ติดตามเรื่องราว การดื่มกาแฟนั้น มีประโยนช์ต่อคุณ