Vitamin c

Vitamin c

Vitamin c เป็นที่ทราบกันดีว่าอาหารจำพวกผักและผลไม้มีวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิด วิตามินซียังเป็นหนึ่งในวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายและสุขภาพของเราอีกด้วย ดังนั้นเพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง และมีภูมิคุ้มกันโรคเราจึงควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีในปริมาณที่เหมาะสม และควรรับประทานอย่างสม่ำเสมอ

Vitamin c

วิตามินซีในอาหารสามารถหาได้จากที่ไหน ?

วิตามินซีพบมากในผักและผลไม้ ผักที่พบมาก ได้แก่ ผักตระกูลกะหล่ำ, ผักชี, ต้นหอม, ขึ้นฉ่าย, ถั่วลันเตา,ผักกาดขาว, ผักโขม, ผักคะน้า เป็นต้น ผลไม้ที่พบมาก ได้แก่ ส้ม, แอปเปิ้ล, ทับทิม, มะนาว, มะละกอ, ฝรั่ง, มะขามป้อม, เชอร์รี่ เป็นต้น

ส่วนในเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ มีวิตามินซีน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลย และปริมาณวิตามินซีต่อวันที่เหมาะสมต่อการบริโภคคือ 60-90 มิลลิกรัม/วัน แต่สามารถบริโภคเพิ่มได้ถึงประมาณ100-200 มิลลิกรัม/วัน เพราะวิตามินซีสามารถละลายน้ำและขับออกได้ทางปัสสาวะ

วิตามินซี…ดีต่อร่างกายยังไง ?

– วิตามินซีช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สุขภาพ เพื่อความแข็งแรงของเนื้อเยื่อในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับเส้นเอ็นและคอลลาเจน

– ช่วยบรรเทาความรุนแรงของการเป็นหวัด หากรับประทานวิตามินซีตั้งแต่เริ่มมีอาการหวัดจะช่วยให้หายจากหวัดได้เร็วขึ้น

– วิตามินซีมีฤทธิ์เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์หรือสารต้านอนุมูลอิสระอันเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี

– ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น เป็นการสร้างเม็ดเลือดแดงทางอ้อม

– ช่วยเพิ่มความต้านทานต่อโรคหัวใจ เพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย

– เมื่อรับประทานวิตามินซีร่วมกับวิตามินอีจะช่วยลดการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด

– วิตามินซีช่วยป้องกันและบรรเทาอาการแพ้ หอบหืด และไซนัส

–  ช่วยในการป้องกันและชะลอความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต้อกระจก เนื่องจากวิตามินซีสามารถช่วยปกป้องเลนส์ตาจากแสงและควันที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดต้อกระจกได้

วิตามินซีนับเป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายๆ ด้านเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีมาก แต่ร่างกายไม่สามารถผลิตวิตามินซีเองได้ เราจึงควรหันมารับประทานวิตามินซีให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในทุกวัน

ว่ากันว่าสาวๆ คนไหนไม่อยากมีผิวเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร ต้องกินวิตามินซี จริงหรือ?
วิตามินซี เป็นวิตามินที่สามารถละลายในน้ำ โดยที่ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้จำเป็นต้องได้รับวิตามินชนิดนี้จากการรับประทาน โดยมากวิตามินซีจะอยู่ในกลุ่มของอาหารประเภทผักและผลไม้ชนิดต่างๆ พบมากในส้ม สับปะรด มะขาม สตอร์เบอร์รี่ ฝรั่ง มะนาว มะเขือเทศ แต่สำหรับคนที่ไม่นิยมการรับประทานผักและผลไม้ อาจจะต้องทานวิตามินซีเสริม

 ประโยชน์ของวิตามินซี
     ในด้านสุขภาพวิตามินซีมีประโยชน์มากมาย อาทิ ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เราไม่ป่วยหรือเป็นหวัดได้ง่ายๆ เพิ่มความต้านทานต่อโรคหัวใจ โดยการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับคลอเลสเตอรอลในร่างกาย ส่วนในด้านของความสวยความงามวิตามินซีก็มีประโยชน์ ช่วยให้สาวๆ สวย สดใสได้เช่นกัน

โดยวิตามินซีจะเป็นตัวกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิตของผิวพรรณ เสริมสร้างคลอลาเจน และต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าวิตามินซีจะสามารถทำให้ผิวพรรณของเหล่าสาวๆ สวยขึ้น สุขภาพดีดูเรียบเนียน จุดด่างดำจางลงอย่างเห็นได้ชัด

วิตามินซี มีดีต่อผิวอย่างไร

  • เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ และลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
  • เป็นตัวสร้างคอลาเจน ซึ่งเป็นเส้นใยทำหน้าที่เชื่อมเนื้อเยื่อต่างๆ ไว้ด้วยกัน ทำให้ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง
  • ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์

ปริมาณการรับประทานที่เหมาะสม
ไม่ควรทานเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือมากจนเกิดอาการถ่ายเหลวนั่นแสดงว่าได้รับวิตามินซีปริมาณมากเกินไป หรือดูข้างขวดผลิตภัณฑ์นั้นๆ ซึ่งจะกำกับปริมาณการรับประทานที่เหมาะสมจาก อย.และควรดื่มน้ำตามมากๆ ทั้งนี้ วิตามินซีสามารถรับประทานได้ในทุกเพศ ทุกวัย

1. พริกหวาน วิตามินซี 80.4 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

แม้จะชื่อว่าพริกหวานแต่ก็มีรสชาติที่ไม่เผ็ดเหมือนชื่อ พริกหวานสามารถกินได้ทั้งแบบสดๆ และปรุงสุกในเมนูอาหาร โดยปกติแล้วจะมีสีเขียวเมื่อสุกแล้วจะมีสีแดง ปัจจุบันมีการปรับปรุงพันธุ์ขึ้นใหม่ ทำให้พริกหวานมีทั้งสีแดง สีเหลือง สีม่วง ที่เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

เบต้าแคโรทีน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 เหล็กและโพแทสเซียม โดยพริกหวานผลที่แก่แล้วจะมีสีแดง เหลือง ส้ม หรือม่วงจะให้วิตามินซีเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าเลยทีเดียว

   2. บรอกโคลี วิตามินซี 89.2 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

ผักที่มีดอกสีเขียวนี้อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารหลายชนิดซึ่งพบได้ทั้งส่วนดอกและลำต้น การกินควรกินทั้งส่วนดอกและลำต้นร่วมกันจะช่วยต้านโรคมะเร็งได้ บร็อคโคลีเป็นผักที่ไม่ควรนำไปปรุงอาหารด้วยความร้อนที่นานเกินไปเพราะจะทำให้เสียวิตามินและคุณค่าทางอาหาร

   3. ผักคะน้า วิตามินซี 147 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

ผักคะน้าสามารถกินได้ตั้งแต่ยังมีขนาดเล็กจนกระทั่งออกดอก กับคุณสมบัติที่ช่วยต้านการเกิดมะเร็ง ช่วยให้เซลล์ทำงานได้ดีและกำจัดสารพิษในร่างกาย ผักคะน้าสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายชนิดแต่ควรล้างให้สะอาดเพื่อช่วยลดการตกค้างของสารเคมีก่อนทุกครั้ง

   4. ผักปวยเล้ง  วิตามินซี 120 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

ผักปวยเล้งอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ อย่าง เหล็ก แคลเซียม โพแทสเซียม และยังมีกรดโฟลิกที่เป็นส่วนประกอบที่จำเป็นในการสร้างสารซีโรโทนินในระบบเซลล์ประสาท ซึ่งทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับได้สนิท

   5. ใบมะรุม วิตามินซี 141 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

มะรุมเป็นพืชพื้นบ้านที่นิยมนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง โดยทุกส่วนของต้นมะรุมสามารถกินได้ ใบของมะรุมมีฤทธิ์เป็นยาระบาย ลดไข้ ช่วยให้นอนหลับสบาย ป้องกันแผลในกระเพราะอาหาร และช่วยต้านอนุมูลอิสระได้

ติดตามเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ที่นี่

สนับสนุน โดย Joker Slot , Sa game , Sexy Game , Joker Game , UFABET 72 , Esport , Sa gaming , Sexy gaming , Sa gaming , joker gaming , Joker slot , Slot game , Joker slot , Joker slot

You may also like...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *